นี่คือคาเฟ่ที่ใกล้สถานีอิสรภาพที่สุด ตั้งอยู่ในซอยอิสรภาพ 23 เดินเข้าซอยมาหน่อยสังเกตซ้ายมือดีๆ จะเห็นตึกแถวสีครีมตัดกับสีครามดูสบายตา ด้านล่างเป็นคาเฟ่ขายทั้งชา กาแฟ ซอฟต์ดริงก์ และเค้ก ในราคาเบาๆ เริ่มต้นที่ 40 บาท ความน่าสนใจคือที่นี่เขาเป็น Zero Waste โดยพยายามลดการใช้พลาสติกให้ได้มากที่สุด เครื่องดื่มที่นี่จึงเสิร์ฟมาพร้อมกับหลอดกระดาษและแก้วไบโอพลาสติกที่ย่อยสลายได้เร็วกว่าแก้วพลาสติกทั่วไป ส่วนด้านบนสองชั้นเป็นโฮสเทลในบรรยากาศอบอุ่นที่เจ้าของบอกว่าอยากให้แขกที่มาพักรู้สึกเหมือนได้กลับมานอนพักที่บ้าน
ตั้งแต่ช่วงเดือนที่ผ่านมาย่านฝั่งธนบุรีดูจะคึกคักเป็นพิเศษ หลังจากที่รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายได้เปิดให้บริการ 5 สถานีน้องใหม่ ช่วงสถานีวัดมังกร – สถานีท่าพระ (และตอนนี้ก็ขยายอีก 2 สถานีให้นั่งยาวจนถึงบางหว้าแล้ว) ซึ่งต้องบอกว่านี่เป็นเส้นทางที่คนกรุงเทพฯ รอคอย เพราะแต่ละสถานีจะพาเราไปถึงที่เที่ยวดังๆ ในกรุงเทพฯ ได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เยาวราช วัดมังกรกมลวาส พาหุรัด ปากคลองตลาด วัดอรุณราชวราราม ฯลฯ
ขณะเดียวกันก็พาเราไปถึงชุมชนย่านฝั่งธนฯ ที่อาจจะยังไม่ค่อยคุ้นหูคุ้นตาสักเท่าไหร่ แต่ทุกชุมชนล้วนน่าไปเดินลัดเลาะทำความรู้จักทั้งนั้น เช่น ชุมชนรอบๆ ‘สถานีอิสรภาพ’ สถานีแรกในย่านฝั่งธนฯ ที่เพียงแค่ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยามาโผล่ที่สถานีนี้ก็จะได้สัมผัสกับความสงบชนิดที่หาได้ยากในเมืองหลวงแบบนี้
ก่อนจะชื่อถนนอิสรภาพ ถนนสายนี้เคยมีชื่อว่า ‘ถนนเจ้ากรุงธน’ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 7 แต่พอสร้างเสร็จก็มีการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่ กลางวงเวียนใหญ่ ทำให้ถนนในย่านนั้นต้องเปลี่ยนชื่อเพื่อให้เกี่ยวเนื่องกับพระบรมราชานุสาวรีย์ ถนนเจ้ากรุงธน จึงถูกเปลี่ยนเป็น ‘ถนนอิสรภาพ’ เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชผู้ทรงกอบกู้อิสรภาพของชาติไทย
นอกเหนือจากนั้น สิ่งสำคัญที่ทำให้ย่านอิสรภาพมีเสน่ห์ไม่เหมือนใครนั่นก็คือความหลากหลายของเชื้อชาติและศาสนาของผู้คนที่อยู่ร่วมกันในย่านนี้ ทั้งไทย จีน ฝรั่ง ญวน มอญ ฯลฯ ที่อพยพจากกรุงเก่ามาตั้งรกรากที่นี่ เห็นได้จากศาสนสถานทั้งวัด มัสยิด โบสถ์ และศาลเจ้าจำนวนมากที่แทรกตัวอยู่ตามชุมชน เป็นเอกลักษณ์ดึงดูดให้ผู้คนอยากเข้ามาทำความรู้จักกับย่านนี้ พอๆ กับที่เที่ยวยุคใหม่ที่เริ่มขยับขยายต้อนรับผู้คนมากขึ้น ส่วนจะมีอะไรน่าสนใจอีก เรารวมมาให้แล้วข้างล่าง